กฎแปลกๆของการเล่นหมากรุกคนเดียวตอนเที่ยงคืน - นิยาย กฎแปลกๆของการเล่นหมากรุกคนเดียวตอนเที่ยงคืน : Dek-D.com - Writer
×

    กฎแปลกๆของการเล่นหมากรุกคนเดียวตอนเที่ยงคืน

    ผม สอน เป็นนักเล่นหมากรุกมือสมัครเล่น ที่มาเจอกฎแปลกๆของการเล่นกมากรุกตอนหลักเที่ยงคืน จากคนที่ชื่อ โจ

    ผู้เข้าชมรวม

    76

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    76

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    1
    จำนวนตอน :  4 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  27 ส.ค. 67 / 22:28 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    [การเดินทางสู่สมาคมหมากรุก]

    ช่วงเวลาสายของวันหยุดสุดสัปดาห์ที่เงียบสงบ ผมกำลังเดินทางไปยังสมาคมหมากรุกที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ช่วงตึก ผมเป็นนักหมากรุกมือสมัครเล่น เรียกได้ว่าเพิ่งเริ่มต้นจริงจังกับเกมนี้เมื่อไม่นานมานี้เท่านั้น เรตติ้งของผมอยู่ที่ 1000 พอยท์ ซึ่งเป็นระดับที่บ่งบอกว่า ผมยังมีเส้นทางอีกยาวไกลในวงการนี้ แต่สิ่งที่ทำให้ผมหลงรักหมากรุกก็คือความท้าทายและความลึกซึ้งของเกมที่มีมานานนับพันปี

    เมื่อผมเดินทางมาถึงหน้าทางเข้าสมาคมหมากรุก ตึกนี้เป็นอาคารเก่าสไตล์โคโลเนียลที่มีอายุหลายสิบปี ผนังสีขาวของมันถูกทำให้ขุ่นมัวด้วยคราบเก่าๆ ป้ายชื่อ "สมาคมหมากรุก" ถูกแขวนอยู่เหนือประตูไม้เก่า เสียงหวีดหวิวของลมหนาวที่พัดผ่านทำให้ผมรีบเอามือจับลูกบิดประตู แล้วผลักมันเข้าไป

    เสียงกระดิ่งประตูดังขึ้นเมื่อผมก้าวเท้าเข้ามาในห้องโถงขนาดกลาง แสงไฟสีเหลืองอ่อนจากโคมไฟทำให้บรรยากาศภายในอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย แม้ว่าจะมีอากาศหนาวเย็นจากด้านนอกแทรกซึมเข้ามาบ้าง ภายในห้องมีโต๊ะหมากรุกเรียงรายอยู่หลายโต๊ะ บางโต๊ะมีผู้เล่นนั่งจ้องหมากบนกระดานอย่างตั้งใจ ขณะที่บางโต๊ะกำลังเก็บอุปกรณ์เพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน

    ผู้คนที่อยู่ในห้องนี้มีความหลากหลายมาก ทั้งเด็กนักเรียนในชุดเครื่องแบบที่มาฝึกฝนทักษะหลังเลิกเรียน ชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะเพิ่งเลิกงานจากบริษัท หรือแม้กระทั่งผู้สูงอายุที่มีความชำนาญในเกมนี้จนเป็นที่รู้จักในหมู่สมาชิก

    ผมเลือกโต๊ะว่างที่อยู่มุมหนึ่งของห้อง ซึ่งเป็นโต๊ะที่ผมมักจะนั่งเป็นประจำ ผมค่อยๆ จัดเรียงหมากบนกระดานอย่างเป็นระเบียบ ทั้งหมดอยู่ในตำแหน่งเริ่มต้นที่พร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับผู้เล่นคนอื่นๆ

    ไม่นานหลังจากนั้น ชายคนหนึ่งที่ดูอายุราวๆ ชายวัยกลางคน เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก เขาใส่ชุดสูทสีเทาที่ดูเรียบร้อยและดูเหมือนจะเพิ่งออกมาจากที่ทำงาน เขาทักทายผมด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร "สวัสดีครับ ขอเล่นด้วยได้ไหมครับ?"

    ผมหันไปสบตาเขา พร้อมกับตอบรับด้วยรอยยิ้ม "ได้ครับ เชิญเลยครับ" ผมเชิญเขานั่งลงที่โต๊ะตรงข้าม พลางแนะนำตัว "ผมชื่อสอนครับ"

    เขาตอบกลับด้วยการยื่นมือมาให้จับ "ผมชื่อโจครับ ยินดีที่ได้รู้จัก"

    เราสองคนจับมือกันเบาๆ แล้วเขาก็เริ่มตั้งตัวหมากของเขา ทั้งสองฝ่ายพร้อมสำหรับการเผชิญหน้าแล้ว ความเงียบสงบกลับมาอีกครั้งเมื่อเราเริ่มเกม

    [การต่อสู้บนกระดานหมากรุก]

    เกมดำเนินไปอย่างเข้มข้น เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงโดยที่ผมพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาตำแหน่งของตัวหมาก แต่ความสามารถของโจนั้นเหนือกว่าผมมาก เขาใช้กลยุทธ์ที่แยบยล วางกับดักไว้ทุกทิศทาง ทุกครั้งที่ผมคิดว่าจะบุกเข้าไปในตำแหน่งสำคัญ เขาก็สามารถตอบโต้ได้อย่างรวดเร็ว ในที่สุดผมก็ต้องยอมแพ้เมื่อหมากของผมถูกกินจนเหลือไม่พอที่จะสู้ต่อ

    "คุณโจ เล่นหมากรุกได้โหดมากครับ!" ผมกล่าวขณะเก็บตัวหมากบนกระดาน โจหัวเราะเบาๆ ขณะจัดการกับอุปกรณ์ของเขา "ขอบคุณครับ แต่คุณเองก็มีสไตล์การเล่นที่น่าสนใจนะ คุณชอบบุกมากๆ แต่บางครั้งการบุกโดยไม่ระวังป้องกันอาจจะเป็นจุดอ่อนได้"

    ผมหัวเราะแห้งๆ ขณะจิบกาแฟร้อนที่ซื้อมาเมื่อเช้า "ใช่ครับ ผมคงต้องฝึกเรื่องการป้องกันให้มากกว่านี้"

    โจพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่เขาจะพูดบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกสงสัยขึ้นมา "คุณสอน รู้เรื่องกฎแปลกๆ เกี่ยวกับการเล่นหมากรุกไหม?"

    "กฎแปลกๆ?" ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร

    "กฎการเล่นหมากรุกหลังเที่ยงคืนครับ" โจพูดพลางยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ ให้ผม "ลองดูสิครับ คุณอาจจะสนใจ"

    ผมรับกระดาษนั้นมาด้วยความสงสัย กระดาษแผ่นนั้นเป็นสีขาวสะอาด ตรงกลางมีข้อความพิมพ์ไว้อย่างประณีต แต่ก่อนที่ผมจะอ่าน โจก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับเก็บข้าวของของเขาลงกระเป๋า

    "วันนี้ผมคงต้องกลับก่อนนะครับ ไว้เจอกันใหม่" เขากล่าวอำลาก่อนจะเดินออกจากสมาคมหมากรุกไป ทิ้งผมไว้กับความสงสัยในกระดาษแผ่นนั้น

    [การเผชิญหน้ากับสิ่งลึกลับ]

    เมื่อเสร็จสิ้นการเล่นหมากรุก ผมก็เก็บอุปกรณ์ของตัวเองและเตรียมตัวกลับบ้าน ท้องฟ้าเริ่มมืดลงพร้อมกับลมหนาวที่พัดมาอีกระลอก ผมรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพราะรู้สึกเหนื่อยล้าและต้องการพักผ่อน

    เมื่อมาถึงบ้าน ประมาณสองทุ่ม ผมก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้องรับแขก ห่มผ้าหนาๆ เพื่อคลายความหนาว แต่แม้จะเหนื่อยล้าแค่ไหน ความคิดเกี่ยวกับกระดาษแผ่นนั้นก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของผม

    [เวลาสี่ทุ่ม]

    ผมตื่นขึ้นจากการงีบแล้วลุกขึ้นมาจุดเตาผิงเพื่อสร้างความอบอุ่น หลังจากจุดไฟได้ไม่นาน ผมก็ได้ยินเสียงเล็บขูดกับผนังเบาๆ จากที่ไหนสักแห่งในบ้าน เสียงนั้นทำให้ผมรู้สึกขนลุก ผมมองไปรอบๆ ห้องรับแขก แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ

    ในเวลานั้นเอง ผมสังเกตเห็นกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่โจให้ผมยังคงวางอยู่บนโต๊ะ ผมตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาอ่านด้วยความสงสัย

    กฎการเล่นหมากรุกหลังเที่ยงคืน

    เตรียมตัวและอุปกรณ์ก่อนเที่ยงคืน: คุณต้องเตรียมกระดานหมากรุก ตัวหมาก เทียน 5 เล่ม ผงหรือสีสำหรับวาดสัญลักษณ์ และมีดคมๆ ที่สะอาด

    เปิดไฟในบ้านให้สว่าง: แสงสว่างจากเทียนเป็นสิ่งเดียวที่ปกป้องคุณ อย่าให้เทียนดับเป็นอันขาด

    หมากรุกสีขาวต้องอยู่ฝั่งตรงข้ามเสมอ: ถ้าคุณเลือกเล่นหมากรุกสีขาวเอง คุณต้องยอมรับความเสี่ยงที่ตามมา เพราะเขาอาจจะไม่พอใจ

    ก่อนเริ่มเกม พูดว่า "ผมพร้อมที่จะเล่นแล้วครับ": ก้มหน้ามองแค่กระดานหมากรุก อย่ามองหน้าคู่แข่งที่มองไม่เห็น

    ถ้าคุณชนะ: คุณจะสามารถขออะไรก็ได้หนึ่งอย่าง แต่ถ้าคุณแพ้ คุณต้องทำตามความปรารถนาของเขา

    ผมรู้สึกขนลุกเมื่ออ่านกฎเหล่านั้น มันฟังดูเป็นเรื่องลึกลับและน่ากลัว และยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเมื่อผมได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นมาจากห้องรับแขก ผมรีบลุกขึ้นจากโซฟา สวมเสื้อผ้าทั้งตัวเปียกชื้น แล้วคว้าเก้าอี้ไม้มาเป็นอาวุธ ผมเดินไปห้องรับแขกอย่างระมัดระวัง ในใจคิดว่าอาจจะเป็นแค่หนูหรือแมวที่หลงเข้ามา

    แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไป สิ่งที่ผมเห็นกลับทำให้หัวใจหยุดเต้น ดาวห้าแฉกถูกวาดไว้กลางพื้นห้องรับแขก กระดานหมากรุกถูกจัดวางอย่างเรียบร้อยอยู่ตรงกลาง ดาวแต่ละจุดมีเทียนวางอยู่และเปลวไฟที่สั่นไหวทำให้บรรยากาศภายในห้องดูหลอนเกินกว่าจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ

    ผมรู้สึกถึงความเย็นเฉียบ

    ผมยืนนิ่งอยู่หน้าห้องรับแขก ดวงตาจับจ้องไปยังดาวห้าแฉกที่ถูกวาดไว้บนพื้น ผงสีดำที่ใช้วาดดูเหมือนจะเป็นถ่าน หรืออาจจะเป็นเถ้าถ่านจากอะไรบางอย่าง กลิ่นอับชื้นและกลิ่นของเทียนที่ไหม้คละคลุ้งอยู่ในอากาศ ทุกอย่างในห้องนี้ให้ความรู้สึกที่ไม่เป็นมิตร เหมือนมีอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นกำลังจับตาดูผมอยู่


    ผมพยายามหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกสติกลับมา แต่ความกลัวก็ค่อยๆ กัดกินหัวใจผมทีละนิด ทุกครั้งที่ผมก้าวเท้าเข้าใกล้กระดานหมากรุก เสียงกึกก้องที่ไม่สามารถระบุทิศทางได้ก็เริ่มดังขึ้น เป็นเสียงเหมือนการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์


    ในหัวผมคิดถึงกฎที่อยู่ในกระดาษแผ่นนั้น ผมไม่รู้ว่าควรจะทำตามหรือไม่ แต่สัญชาตญาณบางอย่างบอกผมว่า ถ้าผมไม่ทำตาม อะไรบางอย่างที่เลวร้ายมากอาจจะเกิดขึ้นกับผม


    ผมหยิบเทียนอีกเล่มจากห้องครัว จุดไฟจากเตาผิง แล้ววางไว้บนโต๊ะกลางห้อง ผมตัดสินใจทำตามกฎข้อแรกที่บอกว่าให้เตรียมตัวและอุปกรณ์ทั้งหมดก่อนเที่ยงคืน


    เวลาบนหน้าปัดนาฬิกาใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว ผมหยิบมีดที่คมที่สุดในครัวและวางมันไว้บนโต๊ะ ตามด้วยกระดานหมากรุกที่วางตรงกลางดาวห้าแฉก หมากทั้งสีขาวและสีดำถูกจัดเรียงในตำแหน่งเริ่มต้น


    [เวลาสิบนาทีก่อนเที่ยงคืน]


    ผมนั่งอยู่ตรงหน้ากระดานหมากรุก ความเงียบปกคลุมทุกสิ่ง รอบตัวมีเพียงเสียงไฟจากเทียนที่เผาไหม้และเสียงลมหายใจของตัวผมเอง ผมมองกระดานหมากรุกแล้วเริ่มสงสัยว่า ใครกันแน่ที่ผมจะต้องเล่นด้วยในคืนนี้?


    ทันใดนั้น ไฟทุกดวงในบ้านก็ดับลงในทันที ทิ้งให้ผมอยู่ในความมืดที่ถูกปกคลุมด้วยเงาเทียนเพียงไม่กี่เล่ม ผมใจเต้นแรงเมื่อมองเห็นเงาลางๆ ของใครบางคน นั่งอยู่ตรงข้ามผมบนโต๊ะ


    เงานั้นปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ ราวกับควันดำที่ไหลซึมเข้ามาจากมุมห้อง เงานั้นค่อยๆ รวมตัวกันจนกลายเป็นรูปร่างของมนุษย์ ร่างสูงโปร่ง ผิวซีดสีขาว และดวงตาที่เรืองแสงสีแดงสด เขามองมาที่ผมด้วยสายตาที่ดูทะลุผ่านหัวใจ ผมแทบจะหยุดหายใจเมื่อเขายิ้มออกมา


    "พร้อมจะเล่นหรือยัง?" เสียงของเขาดังขึ้น ราวกับมีเสียงสะท้อนอยู่รอบห้อง ผมไม่สามารถตอบอะไรได้ ทำได้เพียงแค่พยักหน้าอย่างช้าๆ


    เขายิ้มกว้างขึ้น แล้วเริ่มจัดตัวหมากรุกของเขาในตำแหน่งที่เขาต้องการ ผมรู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่เกมหมากรุกธรรมดา นี่คือเกมที่เดิมพันด้วยชีวิต


    [การเล่นเกมที่ไม่มีวันกลับ]


    ผมเริ่มเกมด้วยการเคลื่อนไหวหมากตัวหนึ่งไปข้างหน้า ทุกการเคลื่อนไหวของผมเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ขณะที่ผมพยายามวางแผนและป้องกันตัวเอง ร่างเงาดำที่นั่งตรงข้ามผมก็ดูเหมือนจะสามารถอ่านใจผมได้ เขาเคลื่อนไหวหมากของเขาอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด ทำให้ผมต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากตลอดเวลา


    เวลาผ่านไปช้าๆ เหงื่อที่ไหลลงมาตามขมับของผมทำให้ความเย็นจากความหวาดกลัวผสมผสานกับความเครียด ความอึดอัดรอบตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดผมก็พบว่าผมถูกกดดันจนไปถึงขีดสุด


    ในจังหวะสุดท้าย ผมต้องตัดสินใจเลือกว่าจะทำให้เกมจบลงแบบไหน ความกลัวในใจผมบอกให้ยอมแพ้เพื่อจะรอดจากสถานการณ์ที่น่ากลัวนี้ แต่ในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกบางอย่างก็บอกผมว่า หากผมยอมแพ้ ผมอาจจะต้องเผชิญกับสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม


    ผมตัดสินใจลองเสี่ยง และเคลื่อนหมากตัวสุดท้ายของผมเข้าสู่ตำแหน่งโจมตี ผมหายใจลึกแล้วเงยหน้าขึ้นมองคู่ต่อสู้ของผม ร่างเงานั้นยิ้มออกมาอย่างแปลกประหลาด แล้วในที่สุดเขาก็พูดขึ้นมา "คุณชนะแล้ว"


    เสียงของเขาดูเหมือนจะเปลี่ยนไป ไม่มีความหวาดกลัว ไม่มีความกังวล มันกลับเต็มไปด้วยความพึงพอใจ เหมือนกับว่าเขารู้ว่าผลลัพธ์นี้จะเกิดขึ้นตั้งแต่ต้น


    "ขออะไรก็ได้ หนึ่งอย่าง" เขาพูด


    ผมมองเขาด้วยความงุนงงและสับสน หัวใจของผมเต้นแรง แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเหมือนกับว่าผมหลุดพ้นจากบางสิ่งที่น่ากลัว


    "ผมขอ..." ผมหยุดพูดไปชั่วขณะ ความคิดหลายอย่างวิ่งเข้ามาในหัว ผมควรขออะไรดี? เงินทอง? อำนาจ? หรือขอให้ความกลัวนี้หายไป?


    แต่ก่อนที่ผมจะพูดอะไรออกไป ร่างเงานั้นก็หัวเราะเบาๆ แล้วค่อยๆ ละลายหายไปในความมืด พร้อมกับทิ้งประโยคสุดท้ายไว้ให้ผม "ไม่ต้องขออะไรหรอก... เพราะคำขอของคุณ มันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว"


    เสียงของเขาค่อยๆ จางหายไปพร้อมกับร่างของเขา เทียนที่เคยส่องสว่างก็ดับลง ทีละเล่ม ทีละเล่ม ทิ้งผมไว้ในความมืดมิด ผมรู้สึกถึงความหนาวเหน็บที่เกาะกุมหัวใจ และในตอนนั้นเอง ผมก็รู้ว่าผมได้เปิดประตูสู่บางสิ่งที่ไม่สามารถปิดได้อีกต่อไป


    [ตอนเช้าอันเงียบงัน]


    เมื่อผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้า แสงแดดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ผมมองไปรอบๆ ห้องรับแขก ทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิม ไม่มีดาวห้าแฉก ไม่มีเทียน และไม่มีเงาดำ ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นปกติ


    ผมคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอาจจะเป็นแค่ฝันร้าย แต่แล้ว ผมก็เห็นกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะ มันถูกเขียนด้วยลายมือที่ผมจำได้ดี


    "ขอบคุณสำหรับการเล่นเกม แล้วเจอกันใหม่"



                               

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น